ไฟเตือนแบบไหน อันตราย! มากที่สุด
- wong honda
- 29 ก.ย.
- ยาว 2 นาที

หลายคนอาจเคยตกใจเมื่อเห็น ไฟสัญญาณเตือนบนหน้าปัดรถยนต์ สว่างขึ้นมาแล้วไม่แน่ใจว่าหมายถึงอะไร บางดวงเป็นเพียงการเตือนเบื้องต้น แต่บางดวงบ่งบอกถึงความผิดปกติร้ายแรงที่อาจทำให้รถเสียหายหรือเป็นอันตรายได้ หากเจอไฟเตือนบนหน้าปัดขึ้นมา สิ่งแรกที่ควรทำคือ อย่ามองข้าม! การทำความเข้าใจความหมายของไฟสัญญาณเตือนบนหน้าปัดรถยนต์เหล่านี้ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณสามารถรับมือได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย
โดยทั่วไปแล้ว สีของไฟเตือนจะมีความหมายดังนี้
🔴 ไฟสีแดง = อันตราย! ต้องหยุดขับทันที
หมายถึง : ระบบสำคัญผิดปกติ ถ้ายังฝืนขับอาจทำให้รถเสียหายรุนแรงหรือเกิดอุบัติเหตุได้
สิ่งที่ควรทำ : หยุดรถในที่ปลอดภัย เปิดไฟฉุกเฉิน และเรียกความช่วยเหลือ
วิธีแก้ไข : ติดต่อศูนย์บริการ/ช่างผู้เชี่ยวชาญทันที
🟠 ไฟสีส้มหรือสีเหลือง = เตือน! ยังพอขับต่อได้
หมายถึง : มีปัญหาที่ต้องแก้ไขเร็วๆ นี้ แต่ยังสามารถขับต่อไปศูนย์ได้
สิ่งที่ควรทำ : ลดการใช้งานหนัก ขับด้วยความระมัดระวัง
วิธีแก้ไข : เข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจสอบโดยเร็ว
🟢 ไฟสีเขียวหรือมีฟ้า = สถานะการทำงานปกติ
หมายถึง : ไม่ใช่ไฟเตือน แต่เป็นไฟบอกสถานะ เช่น ไฟเลี้ยว, ไฟสูง, ระบบ Cruise Control ทำงาน, โหมดประหยัดพลังงาน (Eco Mode)
สิ่งที่ควรทำ : ไม่ต้องกังวล เพียงแค่รับรู้ว่าระบบนั้นกำลังทำงานอยู่
สัญลักษณ์ไฟเตือนที่พบบ่อย
🔴 ไฟเตือนสีแดง (อันตรายร้ายแรง! ควรหยุดรถทันที)
1. สัญลักษณ์ รูปถ้วยน้ำมันเครื่อง (มีหยด)

ปัญหา : แรงดันน้ำมันเครื่องต่ำผิดปกติ อาจเกิดจากการรั่วซึม หรือระดับน้ำมันเครื่องต่ำมาก
วิธีรับมือ : ให้รีบจอดรถทันทีในที่ปลอดภัย และดับเครื่อง หากฝืนขับต่ออาจทำให้เครื่องยนต์ได้รับความเสียหายรุนแรง
ขับต่อได้หรือไม่ : ห้ามขับต่อ
2. สัญลักษณ์ รูปเทอร์โมมิเตอร์ลอยบนน้ำ

ปัญหา : ความร้อนของเครื่องยนต์สูงเกินไป (Overheat)
วิธีรับมือ : ให้รีบจอดรถในที่ปลอดภัยและดับเครื่องทันที รอให้เครื่องเย็นลง ห้ามเปิดฝาหม้อน้ำในขณะที่เครื่องยังร้อนอยู่เด็ดขาด
ขับต่อได้หรือไม่ : ห้ามขับต่อ
3. สัญลักษณ์ รูปแบตเตอรี่

ปัญหา : ระบบชาร์จไฟมีปัญหา เช่น ไดชาร์จเสียหรือสายไฟหลวม
วิธีรับมือ : แบตเตอรี่อาจหมดลงในไม่ช้า ทำให้รถดับและสตาร์ทไม่ติด ควรขับไปหาอู่ซ่อมหรือศูนย์บริการที่ใกล้ที่สุด หรือโทรขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน
ขับต่อได้หรือไม่ : ไม่ควรขับต่อหากไม่จำเป็นอย่างยิ่ง
4. สัญลักษณ์ รูปคนคาดเข็มขัดนิรภัย

ปัญหา : แจ้งเตือนว่าผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารยังไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย
วิธีรับมือ : ให้คาดเข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อย สัญลักษณ์จะหายไป
ขับต่อได้หรือไม่ : ยังขับได้
5. สัญลักษณ์ รูปคนนั่งและมีถุงลมด้านหน้า

ปัญหา : ระบบถุงลมนิรภัย มีความผิดปกติ
วิธีรับมือ : แม้จะยังขับต่อได้ แต่ถุงลมนิรภัยอาจไม่ทำงานในกรณีเกิดอุบัติเหตุ ควรรีบนำรถเข้าตรวจสอบโดยเร็วที่สุด
ขับต่อได้หรือไม่ : ยังขับได้ แต่ควรระมัดระวัง
6. สัญลักษณ์ รูปวงกลม มีเครื่องหมายตกใจ

ปัญหา : ระบบเบรกมือยังทำงานอยู่ หรือมีปัญหาในระบบเบรก เช่น ระดับน้ำมันเบรกต่ำผิดปกติ
วิธีรับมือ : ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ปลดเบรกมือแล้ว หากยังขึ้นอยู่ให้จอดรถทันทีและตรวจสอบระดับน้ำมันเบรก หากไม่แน่ใจให้โทรเรียกช่าง
ขับต่อได้หรือไม่ : ไม่ควรขับต่อ
7. สัญลักษณ์ รูปพวงมาลัย มีเครื่องหมายตกใจ

ปัญหา : ระบบพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า (EPS) มีปัญหา
วิธีรับมือ : พวงมาลัยจะหนักขึ้นมาก ควรขับด้วยความระมัดระวังและนำรถเข้าซ่อมที่ศูนย์บริการโดยเร็วที่สุด
ขับต่อได้หรือไม่ : ยังขับได้ แต่จะควบคุมยากขึ้น
8. สัญลักษณ์ รูปรถยนต์กับเครื่องหมายตกใจ

ปัญหา : ปัญหาร้ายแรงในระบบแบตเตอรี่แรงเคลื่อนไฟฟ้าสูงของรถยนต์ไฮบริดหรือไฟฟ้า
วิธีรับมือ : ให้รีบหาที่จอดที่ปลอดภัยและดับเครื่องทันที ห้ามขับรถต่อไปอย่างเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เกิดความเสียหายรุนแรงต่อระบบแบตเตอรี่หรือเกิดอันตรายได้
ขับต่อได้หรือไม่ : ห้ามขับต่อ
9. สัญลักษณ์ รูปประตูรถเปิด

ปัญหา : ประตูรถยังปิดไม่สนิท
วิธีรับมือ : จอดรถและตรวจสอบให้แน่ใจว่าประตูทุกบานปิดสนิทดีแล้ว
ขับต่อได้หรือไม่ : ยังขับได้ แต่ควรแก้ไขให้เรียบร้อยเพื่อความปลอดภัย
10. สัญลักษณ์ รูปฝากระโปรงรถเปิด

ปัญหา : ฝากระโปรงหน้าหรือฝาท้ายรถปิดไม่สนิท
วิธีรับมือ : จอดรถและตรวจสอบว่าปิดฝากระโปรงให้สนิทดีแล้ว
ขับต่อได้หรือไม่ : ไม่ควรขับต่อ ควรแก้ไขให้เรียบร้อยเพื่อความปลอดภัย
🟠 ไฟเตือนสีเหลือง/ส้ม (ยังใช้งานรถได้ แจ้งเตือนความผิดปกติ)
1. สัญลักษณ์ รูปเครื่องยนต์

ปัญหา : มีความผิดปกติในระบบควบคุมเครื่องยนต์
วิธีรับมือ : แม้จะยังขับได้ปกติ แต่ควรรีบนำรถไปให้ช่างตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุ ห้ามละเลย เพราะอาจส่งผลต่อการทำงานของเครื่องยนต์ในระยะยาว
ขับต่อได้หรือไม่ : ยังขับได้
2. สัญลักษณ์ รูปยางรถยนต์ มีเครื่องหมายตกใจ

ปัญหา : แรงดันลมยางต่ำกว่าปกติ (TPMS)
วิธีรับมือ : ให้ตรวจเช็คแรงดันลมยางทุกเส้น และเติมลมยางให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ควรรีบแก้ไข เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่
ขับต่อได้หรือไม่ : ยังขับได้ แต่ควรแก้ไขโดยเร็ว
3. สัญลักษณ์ รูป ABS

ปัญหา : ระบบเบรก ABS (Anti-lock Brake System) มีความผิดปกติ
วิธีรับมือ : ระบบเบรกปกติยังคงทำงานได้ แต่ระบบป้องกันล้อล็อกจะไม่ทำงาน ควรขับด้วยความระมัดระวัง และรีบนำรถไปให้ช่างตรวจสอบ
ขับต่อได้หรือไม่ : ยังขับได้
4. สัญลักษณ์ รูปรถยนต์กำลังลื่นไถล

ปัญหา : ระบบควบคุมการทรงตัวมีปัญหาหรือถูกปิดการทำงาน
วิธีรับมือ : ควรใช้ความระมัดระวังในการขับขี่และนำรถเข้าตรวจสอบระบบโดยเร็ว
ขับต่อได้หรือไม่ : ยังขับได้ แต่ควรระวังเป็นพิเศษ
5. สัญลักษณ์ รูปถังน้ำมัน

ปัญหา : ระดับน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำมาก
วิธีรับมือ : ควรเติมน้ำมันโดยเร็วที่สุด หากปล่อยให้น้ำมันหมดอาจทำให้ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงเสียหาย
ขับต่อได้หรือไม่ : ยังขับได้ แต่ควรเติมน้ำมันโดยด่วน
6. สัญลักษณ์ รูปวงกลม มีเครื่องหมายตกใจ

ปัญหา : มีความผิดปกติในระบบที่เกี่ยวข้องกับเบรก เช่น ระบบกระจายแรงเบรกไฟฟ้า (EBD) หรือระบบเบรกอัตโนมัติอื่นๆ
วิธีรับมือ : ระบบเบรกหลักยังคงทำงานได้ แต่ระบบช่วยเหลืออาจไม่ทำงานตามปกติ ควรขับด้วยความระมัดระวัง และนำรถเข้าตรวจสอบโดยเร็วที่สุด
ขับต่อได้หรือไม่ : ยังพอขับต่อได้ แต่ไม่ควรขับเป็นระยะทางไกลๆ
7. สัญลักษณ์ รูปสี่เหลี่ยมคล้ายกระจกหน้า มีน้ำอยู่ข้างใน

ปัญหา : ระดับน้ำล้างกระจกอยู่ในระดับต่ำ
วิธีรับมือ : เติมน้ำยาหรือน้ำสำหรับฉีดกระจกให้เรียบร้อย
ขับต่อได้หรือไม่ : ยังขับได้
8. สัญลักษณ์รูป เต่า

ปัญหา : ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าของรถยนต์ไฮบริดหรือไฟฟ้ามีปัญหา ทำให้รถจำกัดกำลังการทำงานและลดความเร็วลงเพื่อปกป้องระบบ
วิธีรับมือ : ควรพักเครื่องให้เย็นลงก่อนใช้งานต่อ เพราะหากฝืนขับต่อไปอาจทำให้ระบบขับเคลื่อนเสียหายรุนแรง
ขับต่อได้หรือไม่ : ไม่ควรขับต่อ (รถจะขับเคลื่อนได้ช้ามากหรือหยุดนิ่ง)
9. สัญลักษณ์รูป ประแจหรือรูปรถยนต์ที่มีประแจ

ปัญหา : ถึงกำหนดเข้าศูนย์บริการตามระยะทาง
วิธีรับมือ : ควรนำรถเข้าตรวจสอบตามระยะทางที่กำหนด เพื่อการบำรุงรักษาอย่างเหมาะสม
ขับต่อได้หรือไม่ : ยังขับได้
10. สัญลักษณ์รูป ตัวอักษร i

ปัญหา : มีข้อความแจ้งเตือนปรากฏขึ้นบนหน้าจอแผงหน้าปัด ซึ่งอาจเป็นข้อความแจ้งเตือนทั่วไปหรือการแจ้งข้อมูลระบบต่างๆ
วิธีรับมือ : ตรวจสอบหน้าจอแสดงข้อมูลของรถยนต์เพื่ออ่านข้อความแจ้งเตือนที่ขึ้นมา ซึ่งอาจให้ข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด
ขับต่อได้หรือไม่ : ยังขับได้ แต่ควรตรวจสอบข้อความที่แจ้งเตือนเพื่อดูว่ามีความรุนแรงหรือไม่
หมายเหตุ : ศึกษาคู่มือรถของคุณไว้เสมอ เพราะไฟเตือนในรถแต่ละรุ่นอาจมีสัญลักษณ์ที่ต่างกันเล็กน้อย โดยเฉพาะรถรุ่นใหม่ที่มีระบบอัจฉริยะเพิ่มขึ้น
เคล็ดลับการรับมือไฟเตือนบนหน้าปัด
ดูว่าติดค้างหรือกระพริบ
ไฟกระพริบ = ปัญหาร้ายแรง ควรหยุดรถทันที
ไฟติดค้าง = ระบบผิดปกติ แต่ยังพอขับไปศูนย์บริการได้อย่างระมัดระวัง
เปิดคู่มือประจำรถ คู่มือจะมีรายละเอียดสัญลักษณ์ทุกดวง ช่วยให้คุณเข้าใจความหมายได้ถูกต้อง
ตรวจสอบเบื้องต้น ลองเช็กสิ่งที่ทำได้เอง เช่น น้ำมันเครื่อง น้ำยาหล่อเย็น หรือแรงดันลมยาง
หลักการจำง่ายๆ ตามสีไฟ
ไฟสีแดง = อันตราย ต้องหยุดรถทันทีและติดต่อศูนย์บริการ
ไฟสีเหลือง/ส้ม = เตือน ยังขับต่อได้ แต่ควรรีบไปตรวจเช็ก
ไฟสีเขียว/ฟ้า = แค่แสดงการทำงานของระบบ ไม่ใช่ไฟเตือน
อย่างไรก็ตาม ไฟเตือนบนหน้าปัดรถยนต์ไม่ควรมองข้าม เพราะนั่นคือสัญญาณที่รถกำลังบอกว่ามีสิ่งผิดปกติซ่อนอยู่ บางปัญหาอาจดูเล็กน้อย แต่หากปล่อยไว้อาจลุกลามจนเกิดความเสียหายรุนแรง และเป็นอันตรายต่อผู้ขับขี่ หากเจอไฟเตือนแล้วไม่มั่นใจ แนะนำให้นำรถเข้าตรวจเช็กกับ ศูนย์บริการวองฮอนด้า การตรวจเช็กที่ศูนย์บริการคือทางเลือกที่มั่นใจได้ ทั้ง แม่นยำจากเครื่องมือเฉพาะ ปลอดภัยด้วยทีมช่างผู้เชี่ยวชาญ และยังช่วยให้คุณ ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว เพราะตรวจพบปัญหาก่อนลุกลาม เราพร้อมดูแลและแก้ไขปัญหาทุกสัญญาณเตือนบนหน้าปัด ระบบเครื่องยนต์ ไฟฟ้า และระบบความปลอดภัยต่างๆ ให้คุณมั่นใจได้ว่ารถอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานทุกครั้งที่ออกเดินทาง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line Official : @wonghondagroup




ความคิดเห็น